การค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการหายใจที่ผิดปกติ
จากการค้นคว้างานวิจัยบทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. งานวิจัยจำนวน 1 เรื่อง
2. บทความวิจัยจำนวน 4 เรื่อง
ประเด็นเรื่อง การหายใจที่ผิดปกติ งานวิจัยจำนวน 5 เรื่อง ที่ได้กล่าวถึงการหายใจมีดังนี้
1. เรื่อง ภาวการณ์อุดกั้นทางเดินหายใจ ส่วนบนตอนนอนในเด็ก (Obstructive Sleep Apnea)
: ข้อมูล หน่วยระบบหายใจและไอซียู สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีhttp://www.thaipedlung.org/breathe วันที่ 29/09/2554 เวลา 03.55 น.
สามารถสรุปได้ดังนี้: พบได้ในเด็กทุกอายุ แต่พบมากในเด็กช่วงอายุ 2-6 ปี ถ้าไม่รักษาจะทำให้เด็กมีภาวะพร่องออกซิเจนขณะหลับ หยุดหายใจเป็นช่วงๆ ซึ่งอาจทำให้สติปัญญาถดถอย, สมาธิสั้น, หัวใจโตหรือเสียชีวิตอย่างกระทันหันได้สาเหตุมักเกิดจาก ต่อมทอนซิลที่อยู่ข้างโคนลิ้นและต่อมอดีนอยด์ที่อยู่หลังจมูกมีขนาดโตเบียด บังทางเดินหายใจส่วนบน อาการเด็ก มักจะนอนกรนร่วมกับมีอาการหายใจลำบากขณะนอนหลับ การวินิจฉัย วิธี การทดสอบที่ดีที่สุด สำหรับการวินิจฉัยภาวะนี้เรียกว่า Polysomno- graphy (Sleep Lab.) เป็นการตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เด็กหลับตลอดคืน ทำโดยให้เด็กมานอนในห้องพิเศษที่ โรงพยาบาล 1 คืน มีพยาบาลพิเศษ คอยสังเกตการหายใจของเด็ก เครื่องคอมพิวเตอร์จะวัดค่าต่างๆ ผ่านสายที่แปะด้วย สติกเกอร์ที่ตำแหน่งต่างๆ บน ตัวเด็กและบันทึกข้อมูลไว้ตลอด 8 ชั่วโมง
ในเด็ก ส่วนใหญ่มักจะดีขึ้น หลังการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลและ อดีนอยด์ออก ในรายที่สาเหตุเกิดจากความอ้วน ถ้าลดน้ำหนักลง อาการมักจะดีขึ้น บางรายอาจจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP ไปตลอด ถ้ารักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
2. เรื่อง Sleep Apnea ง่วงนอน กรน นอนไม่อิ่ม
: ข้อมูลโดย กิตติมา วัฒนากมลกุล ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลhttp://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=49// วันที่ 29/9/2554 เวลา 03.30 น.
สมารถสรุปได้ดังนี้: ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) เป็นภาวะที่มีการหยุดหายใจเป็น ระยะๆหรือมีการหายใจตื้นๆสลับกับการหายใจที่ เป็นปกติในระหว่างที่นอนหลับ ซึ่งช่วงการหยุดหายใจอาจเป็นเพียงไม่กี่วินาทีหรืออาจยาวเป็นนาที โดยมักเกิด 5-30 ครั้งหรือมากกว่าในเวลา 1 ชั่วโมง ส่งผลให้นอนหลับได้ไม่เต็มที่ และมีอาการง่วงมากผิดปกติในช่วงระหว่างวันตามมารวมทั้งสมาธิและความจำก็จะลดลง โดยส่วนใหญ่แล้วภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่พบนั้นจะเป็นประเภทที่มีการอุดกั้น ของทางเดินหายใจ (obstructive sleep apnea) มีสาเหตุมาจากการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ทางเดินหายใจ การหนาตัวของเนื้อเยื่อผนังคอในผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาก การโตของต่อมทอนซิลในเด็ก หรือภาวะเนื้องอกบริเวณทางเดินหายใจ เป็นต้น ซึ่งการที่อากาศต้องเดินทางผ่านทางเดินหายใจที่แคบลงสามารถก่อให้เกิด เสียงกรนขึ้นได้ อีกประเภทหนึ่งที่พบได้น้อยกว่านั่นคือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนื่องความผิดปกติของการสั่งงานของสมอง (central sleep apnea) ภาวะนี้สมองส่งสัญญาณควบคุมที่ผิดปกติไปยังกล้ามเนื้อในระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วครู่
3. เรื่อง การหายใจกับการทำงาน
: ข้อมูล กัลยาคลินิกกายภาพบำบัด
http://www.kanyapt.com/01/index.php/ วันที่ 29/09/2554 เวลา 03.51 น.
สามารถสรุปได้ดงนี้: "การหายใจ" ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนสามารถทำได้ การหายใจของคนเราแบ่งออกตามลักษณะการทำงาน ของกล้ามเนื้อได้ 3 ลักษณะ ได้แก่ การใช้กล้ามเนื้อกะบังลม การหายใจลักษณะ นี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราหายใจแบบสบายๆ การใช้กล้ามเนื้อชายโครง การ หายใจในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นร่วมกับการ หายใจแบบแรก การใช้กล้ามเนื้ออกและกล้ามเนื้อซี่โครงส่วนบน การหายใจแบบนี้จะ หายใจสั้นและเร็ว เวลาหายใจหน้าอกจะยกขึ้น มักพบการหายใจลักษณะนี้เมื่อหอบหรือเหนื่อย เช่น ขณะที่ออกกำลังกาย
หายใจควรกลับมาสู่ภาวะปกติ การหายใจที่ผิดปกติอาจเป็นผลมาจากความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะทางอารมณ์อื่นๆ หากมี ภาวะอาการเกร็งของกล้ามเนื้อที่ใดที่หนึ่งอยู่ ให้เรียนรู้ที่จะปล่อย และผ่อนคลายกล้ามเนื้อนั้นลง และหากมีความเครียดอยู่ ให้หาทางขจัดความเครียดออก
หายใจควรกลับมาสู่ภาวะปกติ การหายใจที่ผิดปกติอาจเป็นผลมาจากความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะทางอารมณ์อื่นๆ หากมี ภาวะอาการเกร็งของกล้ามเนื้อที่ใดที่หนึ่งอยู่ ให้เรียนรู้ที่จะปล่อย และผ่อนคลายกล้ามเนื้อนั้นลง และหากมีความเครียดอยู่ ให้หาทางขจัดความเครียดออก
4. เรื่อง กลุ่มอาการหายใจเร็วกว่าปกติ
สามารถสรุปได้ดังนี้: กลุ่มอาการหายใจเร็วกว่าปกติ (อังกฤษ: Hyperventilation syndrome) คือความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ ที่มีพื้นฐานมาจากความผิดปกติทางกายภาพหรือทางจิตวิทยา มีความเกี่ยวข้องกับการหายใจลึกและถี่เกินไป (หายใจเร็วกว่าปกติ) กลุ่มอาการหายใจเร็วกว่าปกติอาจแสดงในลักษณะอาการปวดหน้าอก รู้สึกชาที่ปลายนิ้วหรือริมฝีปาก และอาจเกิดอาการร่วมกับอาการกลัว (Panic attack) ผู้ที่มีการป่วยมักจะรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับอากาศไม่เพียงพอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขามีปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดแดง และมีคาร์บอนไดออกไซด์น้อยเกินไปในเลือดและเนื้อเยื่อ
5. เรื่องการรักษาอาการนอนกรน
สามารถสรุปได้ดังนี้: ผู้ป่วยที่มีอาการนอนกรน และ/หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ และมีจุดอุดกั้นทางเดินหายใจหลายตำแหน่ง. ดังนั้นการทำผ่าตัดแก้ไขจุดใดจุดหนึ่งเพียงจุดเดียว อาจไม่ช่วยแก้ไขอาการให้ดีขึ้นมากนัก อาจต้องมาผ่าตัดซ้ำเพื่อแก้ไขทางเดินหายใจที่แคบส่วนอื่นๆ หรือใช้เครื่อง CPAP หรือ intraoral appliances ร่วมด้วยทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด, จุดอุดกั้นทางเดินหายใจ และ ความรุนแรงของโรค. หลังผ่าตัดควรติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง. การรักษาที่เหมาะสมนั้น นอกจากขึ้นกับสาเหตุและตำแหน่งที่ตรวจพบแล้ว ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ในผู้ป่วยแต่ละรายด้วย เช่น
สุขภาพโดยทั่วไปของผู้ป่วย. ภาวะแทรกซ้อนของภาวะหยุดหายใจ ขณะหลับที่มีผลต่อระบบต่างๆของร่างกาย โรคประจำตัว สภาพเศรษฐฐานะและสังคมของผู้ป่วย เป็นต้น. ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยมีหรือสงสัยว่ามีอาการนอนกรน และ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับควรรีบทำการวินิจฉัยตรวจหาสาเหตุของโรค ประเมินความรุนแรงและ พิจารณาแนวทางรักษาที่เหมาะสมแต่เนิ่นๆ. การให้การรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที จะช่วยให้อัตราเสี่ยงต่อโรคต่างๆและอัตราตายลดลง และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น.
นางสาวศุภรัตน์ นากร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น